ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า สาเหตุและการดูแล

 

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า ถือเป็นโรคความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า มักมีอาการเศร้าตลอดทั้งวัน เบื่อหน่าย ไม่มีเรี่ยวแรง สนใจสิ่งต่างๆลดลง ไม่มีสมาธิ การกินและการนอนเปลี่ยนไป มีความคิดโทษตัวเอง รู้สึกผิด หรือแม้กระทั่งมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ในเด็กและวัยรุ่น อาการของโรคซึมเศร้าอาจไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนในรูปแบบการเศร้า หรือ ร้องไห้ แต่อาจมีอาการ หงุดหงิดก้าวร้าว เก็บตัว มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จนก่อให้เกิดปัญหาต่อชีวิตประจำวัน หรือ การเรียน เช่น การเล่นเกมส์มากขึ้น หรือ ติด social มากขึ้น เป็นต้น ในเด็กที่พัฒนาการการสื่อสารหรือการรับรู้อารมณ์ตนเองยังไม่ดีนัก อาจมาด้วยอาการ เจ็บป่ วยทางกาย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือมี พฤติกรรมถดถอยกลับไปสู่วัยเด็กเล็ก เช่น พฤติกรรมงอแง อาละวาด หรือ ไม่อยากไปโรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นโรคซึมเศร้า

  1. พันธุกรรม จากการศึกษาพบว่าเด็กที่พ่อแม่มีภาวะซึมเศร้า จะมีอัตราการเกิดภาวะซึมเศร้าได้สูงกว่าเด็กทั่วไป
  2. สารเคมีในสมอง จากการศึกษาพบว่าผู้ป่ วยภาวะซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ท าให้ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ ซึ่งในปัจจุบันยาที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้าจะมีหน้าที่โดยตรงในการปรับสารเคมีเหล่านี้ให้อยู่ในภาวะสมดุล
  3. ปัจจัยแวดล้อมภายนอก หรือ ปัญหาทางจิตสังคม เช่น ปัญหาการเลี้ยงดู ความรุนแรงในครอบครัว การเลี้ยงดูลูกเชิงลบ ใช้คำตำหนิต่อว่าหรือการใช้อารมณ์ในการดูแลบุตร เกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การสูญเสียบุคคลสำคัญ หรือ การหย่าร้างของพ่อแม่ การถูกทารุณกรรมหรือการถูกทอดทิ้ง การถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนหรือถูกกีดกันออกจากสังคม เป็นต้น
  4. มุมมองต่อตนเอง และลักษณะการแก้ไขปัญหา พบว่าเด็กที่มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ และเด็กที่มีความวิตกกังวลสูง จะมีอัตราการเกิดภาวะซึมเศร้าได้สูงกว่าเด็กทั่วไป ลักษณะการแก้ไขปัญหา โดยใช้วิธีหนีปัญหา โทษตัวเองซ้ำๆ และมองโลกในแง่ร้ายก็มีแนวโน้มทำให้มีโอกาสเป็นภาวะซึมเศร้าได้สูงขึ้น
  5. ปัจจัยโรคทางกายอื่นๆ โรคทางกายหรือยาบางชนิด ส่งผลต่อฮอร์โมน และสารเคมีในสมองทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้เด็กที่มีภาวะโรคเรื้อรัง ไม่สามารถใช้ชีวิตตามวัยได้ตามปกติก็มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้ด้วย

การดูแลและการรักษา เมื่อสงสัยว่าลูกเป็นโรคซึมเศร้า

  1. พ่อแม่จำเป็นต้องทำจิตใจตนเองให้สงบและพร้อมต่อการรับฟังเรื่องต่างๆของลูก
  2. หาบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย พูดคุยถึงอาการที่พ่อแม่สังเกตเห็นและสะท้อนให้ลูกเข้าใจถึงความห่วงใย ความพร้อมที่จะเข้าใจและช่วยเหลือของพ่อแม่
  3. เปิดโอกาสให้เด็กพูดและระบายความรู้สึกโดยไม่แย้งหรือรีบสอน
  4. หากพบว่าเด็กมีภาวะซึมเศร้าให้ชักชวนลูกมารับการรักษากับจิตแพทย์ และหากพบความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ให้พ่อแม่คอยเฝ้าระวังพฤติกรรมของลูก เก็บของมีคม สารเคมี ยาหรืออุปกรณ์ต่างๆที่เด็กสามารถใช้ในการทำร้ายตนเอง
  5. และไม่ปล่อยเด็กไว้ตามล าพัง และรีบพามาพบแพทย์

ตัวอย่างคำถามที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย :

  • แม่รู้ว่าหนูเศร้ามาก ความเศร้าของหนูทำให้หนูเคยคิดฆ่าตัวตายเลยไหม
  • แม่เห็นว่าลูกเครียดมาก ลูกเคยมีความคิดอยากหายไปจากโลกนี้เลยไหม แล้วในความคิดของลูกลูกใช้วิธีอะไรในการหายไปจากโลกนี้หละ

การถามคำถามประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย จำเป็นต้องถามอย่างใจเย็น ให้เด็กได้เล่าอย่างผ่อนคลายและเปิดใจ อย่าแสดงท่าทีตื่นตกใจหรือตำหนิต่อว่า จากการศึกษาพบว่า ”การที่เด็กได้รับการประเมินจะช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายในเด็กได้ดีกว่าการไม่ถาม“

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า สาเหตุและการดูแล

เมื่อลูกได้รับการวินิจฉัยภาวะซึมเศร้า

การรักษาภาวะซึมเศร้าประกอบด้วย 2 แบบ แพทย์อาจพิจารณาการรักษาแบบใดแบบหนึ่งหรือทั ้งสองแบบควบคู่กัน ไป

  1. การรักษาโดยการใช้ยา ดังที่กล่าวมาก่อนหน้านี้การใช้ยาจะช่วยปรับสารเคมีในสมองให้สมดุลขึ้น ยารักษาภาวะซึมเศร้าอาจไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องหลายสัปดาห์จึงเห็นผล และ หลังจากอาการดีขึ้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ดังนั้นการหยุดยาจึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา
  2. การทำจิตบำบัด การทำจิตบำบัดมีได้หลายแบบ อาจทำเป็นรายบุคคล รายกลุ่มหรือการทำจิตบำบัดแบบครอบครัว โดยการทำจิตบำบัด จะทำโดยจิตแพทย์และนักจิต เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาสม่ำเสมอเพื่อความต่อเนื่องในการรักษา

พ่อแม่จะทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า

  1. ยอมรับภาวะที่ลูกเป็น และไม่โทษอดีตที่ผ่านมา
  2. รับฟังปัญหาของลูกอย่างเข้าใจ เปิดใจ และอยู่เป็นเพื่อนในยามที่ลูกไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ตนเองได้ ไม่ปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง
  3. กระตุ้น และสนับสนุนให้ลูกทำกิจวัตรประวันได้ตามปกติมากที่สุด และอาจชักชวนให้ผู้ป่วยออกไปข้างนอก ลดการเก็บตัว และออกกำลังกายซึ่งจะช่วยให้การรักษาดีขึ้น
  4. คอยดูแลเรื่องการกินยาของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  5. ประเมินภาวการณ์ฆ่าตัวตาย จากการสังเกต และสอบถามเมื่อสงสัย หากมีความเสี่ยงให้ปฏิบัติดังข้อที่กล่าวไปแล้ว
  6. ดูแลสุขภาพกาย และใจของตนเองและคนในครอบครัวคนอื่นๆให้เป็นปกติ เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าต้องใช้พลังกายและใจสูง ทุกคนในครอบครัวจึงจำต้องต้องมีสุขภาพกายใจที่ดีอยู่เสมอ หากพ่อแม่สงสัยว่าตนเองมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยควรปรึกษาจิตแพทย์

พญ.วรินทิพย์ สว่างศรี
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์